ปวส 1/1 คธ 2556
- 039 ทนาพร ทาทอง
- 038 จิรายุทธ อรศรี
- 037 กรรณิการ์ ลายทอง
- 036 พัชรินทร์ วงษ์จันทร์
- 035 ระย้า บุญสุภาพ
- 034 สายธาร บุญมา
- 033 ธันวา ก้านทอง
- 032 พิชาภรณ์ ชาวนา
- 031 ธีรพล วิรุมูล
- 030 จิรัฐติกร ไตรแก้ว
- 029 อัญมณี สีแลง
- 028 อภิสรา ขันชะลี
- 027 อภิญญา วรรณกา
- 026 อภิญญา ยั่งยืน
- 025 สุวนันท์ นิลภา
- 024 สุนทรี จันทวงค์
- 023 สาวิตรี อ่อนดี
- 022 สายใจ จำปาสา
- 021 วิไลลักษณ์ มาศพันธ์
- 020 วิไล ใจเอื้อ
- 019 วารุณี จันทะศรี
- 018 วราวรรณ จรูญกูล
- 017 วรรณา สุภาพันธ์
- 016 รุ่งธิวา ถาพร
- 015 รติยา สารีพันธ์
- 014 พิมพรรณ ศิริรัตน์
- 013 พรพิมล สายืน
- 012 บุษกร บุญนูน
- 011 นุชนภา มุทาพร
- 010 นิภารัตน์ ไชยวรรณ
- 009 นวลอนงค์ นามแก้ว
- 008 ทิพวรรณ มูลเพ็ญ
- 007 ทัศวรรณ ช่วยสุข
- 006 ดาวรัตน์ เลื่อมใส
- 005 ดวงใจ ดวงเลิศ
- 004 จริยา ชาติชาย
- 003 กัลยารัตน์ มูลศรี
- 002 กัญญ์วรา สุภาศรี
- 001 กนกพร พงษ์สมยศ
- หลักการคอมพิวเตอร์กราฟิก
วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556
โครงสร้างโปรแกรมภาษา
โครงสร้างโปรแกรมภาษา
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาจาวา
คำอธิบาย
- method main( ) จะเป็น method หลักที่ใช้ในการ run program ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในการ run program จะต้องทำการเขียนคำสั่งไว้ใน method นี้
- การแสดงผลทางจอภาพ (Console Output) ใช้ method ชื่อ "println" ซึ่งอยู่ใน System.outคำสั่งนี้จะรับข้อมูลที่เป็น String เพื่อนำมาแสดงผลทางจอภาพ
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาปาสคาล
ภาษาปาสคาลเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ชั้นสูงที่พัฒนาขึ้นโดย Niklaus
Wirth และได้ตั้งชื่อว่าปาสคาล (Pascal) เพื่อให้เกียรติแก่นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ชื่อ Blaise Pascal ภาษาปาสคาล พัฒนามาจากภาษา Algol โดยพัฒนาให้เป็นภาษาสำหรับฝึกหัดเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภาษาปาสคาลจะมีลักษณะเป็นภาษาคอมพิวเตอร์แบบประมวลความหรือคอมไพเลอร์
(Compiler) เมื่อเทียบกับภาษาคอมพิวเตอร์ชั้นสูงอื่น ๆ
จะพบว่าภาษาปาสคาลเป็นภาษาที่มีการวางระบบและจัดรูปแบบที่มีโครงสร้างแน่นอนตายตัว
จึงทำให้ภาษาปาสคาลเป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการเขียนโปรแกรมโครงสร้าง (Structured
Program) มากกว่าภาษาอื่น ๆ
ที่ใช้กันอยู่จึงทำให้ได้รับความนิยมและนำมาประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาปาสคาล
โปรแกรมในภาษาปาสคาล แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1. ส่วนหัว (Heading) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตามด้วยชื่อของโปรแกรม และจบบรรทัดด้วย ;
โปรแกรมในภาษาปาสคาล แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1. ส่วนหัว (Heading) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตามด้วยชื่อของโปรแกรม และจบบรรทัดด้วย ;
2. ส่วนข้อกำหนด (Declaration part) คือส่วนตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงคำว่า
BEGIN ของโปรแกรมหลัก
และเป็นส่วนที่เรากำหนดค่าต่าง ๆ ดังนี้
2.1 VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปร
2.1 VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปร
3. ส่วนคำสั่งต่าง ๆ (Statement Part)
เป็นส่วนสุดท้ายของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วย “BEGIN” และปิดท้ายด้วย “END.”
โครงสร้างของโปรแกรมภาษา C
ภาษา C เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ถูกค้นคิดขึ้นโดย Denis Ritchie ในปี ค.ศ. 1970
โดยใช้ระบบปฏิบัติการของยูนิกซ์ (UNIX) นับจากนั้นมาก็ได้รับความนิยมเพิ่มขั้นจนถึงปัจจุบัน ภาษา C สามารถติดต่อในระดับฮาร์ดแวร์ได้ดีกว่าภาษาระดับสูงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเบสิกฟอร์แทน ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติของภาษาระดับสูงอยู่ด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงจัดได้ว่าภาษา C เป็นภาษาระดับกลาง (Middle –lever language)
ภาษา C เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดคอมไพล์ (compiled Language) ซึ่งมีคอมไพลเลอร์ (Compiler) ทำหน้าที่ในการคอมไพล์ (Compile) หรือแปลงคำสั่งทั้งหมดในโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่อง (Machine Language) เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำคำสั่งเหล่านั้นไปทำงานต่อไป
โดยใช้ระบบปฏิบัติการของยูนิกซ์ (UNIX) นับจากนั้นมาก็ได้รับความนิยมเพิ่มขั้นจนถึงปัจจุบัน ภาษา C สามารถติดต่อในระดับฮาร์ดแวร์ได้ดีกว่าภาษาระดับสูงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาเบสิกฟอร์แทน ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติของภาษาระดับสูงอยู่ด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงจัดได้ว่าภาษา C เป็นภาษาระดับกลาง (Middle –lever language)
ภาษา C เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดคอมไพล์ (compiled Language) ซึ่งมีคอมไพลเลอร์ (Compiler) ทำหน้าที่ในการคอมไพล์ (Compile) หรือแปลงคำสั่งทั้งหมดในโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่อง (Machine Language) เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำคำสั่งเหล่านั้นไปทำงานต่อไป
โครงสร้างของโปรแกรม Basic
ภาษาเบสิก (BASIC programming language) เป็นภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย
และยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ เบสิกออกแบบมาให้ใช้กับคอมพิวเตอร์ตามบ้าน
ชื่อภาษาเบสิก หรือ BASIC ย่อมาจาก Beginner's All-purpose Symbolic Instruction Code
ต้องเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
บริษัทไมโครซอฟท์ได้นำภาษาเบสิกมาปรับปรุงให้ทันสมัย
และพัฒนาเครื่องมือพัฒนาโปรแกรม Visual Basic ทำให้เบสิกได้รับความนิยมในการพัฒนาโปรแกรมยุคใหม่
รุ่นล่าสุดของวิชวลเบสิกเรียกว่า VB.NET
โครงสร้างโปรแกรมภาษา Assembly
ภาษาแอสเซมบลี (อังกฤษ: Assembly
Language) หมายถึง
ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่งซึ่งจะทำงานโดยขึ้นกับรุ่นของไมโครโพรเซสเซอร์ หรือ "หน่วยประมวลผล" (CPU) ของเครื่องคอมพิวเตอร์
การใช้ภาษาแอสเซมบลีจำเป็นต้องผ่านการแปลภาษาด้วยคอมไพเลอร์เฉพาะเรียกว่า แอสเซมเบลอร์ (assembler) ให้อยู่ในรูปของรหัสคำสั่งก่อน (เช่น .OBJ) โดยปกติ
ภาษานี้ค่อนข้างมีความยุ่งยากในการใช้งาน
และการเขียนโปรแกรมเป็นจำนวนบรรทัดมากมากกว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ภาษาระดับสูง เช่น ภาษา C หรือภาษา BASIC แต่จะทำให้ได้ผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรมเร็วกว่า
และขนาดของตัวโปรแกรมมีขนาดเนื้อที่น้อยกว่าโปรแกรมที่สร้างจากภาษาอื่นมาก
จึงนิยมใช้ภาษานี้เมื่อต้องการประหยัดเวลาทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรม
เนื่องจากตัวคำสั่งภายในภาษาอ้างอิงเฉพาะกับรุ่นของหน่วยประมวลผล ดังนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปใช้กับหน่วยประมวลผลอื่นหรือระบบอื่น (เช่น
หน่วยประมวลผล x86 ไม่เหมือนกับ z80) จะต้องมีการปรับแก้ตัวคำสั่งภายในซึ่งบางครั้งอาจไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์
โครงสร้างโปรแกรมภาษา Java
ไฟล์ Example.java
class Example
{
public
static void main(String[] args)
{
String
dataname = “Java Language“;
System.out.println(“My
name is OAK“);
System.out.println(“OAK
is a “ + dataname +“. “);
}
}
หมายเหตุ
Compile : javac Example.java จะได้ไฟล์ Example.class
Run : java Example
Output : My name is OAK
OAK is a Java Language
Compile : javac Example.java จะได้ไฟล์ Example.class
Run : java Example
Output : My name is OAK
OAK is a Java Language
คำอธิบาย
- method main( ) จะเป็น method หลักที่ใช้ในการ run program ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในการ run program จะต้องทำการเขียนคำสั่งไว้ใน method นี้
- การแสดงผลทางจอภาพ (Console Output) ใช้ method ชื่อ "println" ซึ่งอยู่ใน System.outคำสั่งนี้จะรับข้อมูลที่เป็น String เพื่อนำมาแสดงผลทางจอภาพ
โครงสร้างโปรแกรมภาษาจาวา cobol
ภาษาโคบอล (COBOL programming language) เป็นภาษาโปรแกรมระดับสูงภาษาหนึ่งที่อยู่มาอย่างยาวนาน
COBOL ย่อมาจาก Common Business
Oriented Language เป็นภาษาที่นิยมนำไปใช้ทางธุรกิจ
ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1959 โดยนักคอมพิวเตอร์กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Conference on Data
Systems Languages (CODASYL) และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 ภาษาโคบอลมีการแก้ไขและปรับปรุงอยู่ตลอด ดังนั้น
เพื่อขจัดปัญหาความแตกต่างของตัวภาษาโคบอลในแต่ละเวอร์ชัน สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกัน (ANSI) จึงได้พัฒนามาตรฐานกลางขึ้นมาในปี ค.ศ. 1968 เป็นที่รู้จักกันในนามของ ANS COBOL ต่อมาเมื่อ ปี ค.ศ. 1974 ทาง ANSI ได้นำเสนอ ANS COBOL รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่ารุ่น
1968 และในปี ค.ศ. 1985 ANSI ก็นำเสนออีกรุ่นหนึ่งที่มีคุณสมบัติมากกว่ารุ่นปี
1974
รูปแบบภาษาโคบอลแบ่งออกเป็น 4 ดิวิชั่น คือ
1.
Identification division การกำหนดชื่อโปรแกรมและชื่อผู้เขียน
2.
Environment division การอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
3.
Data division การอธิบายเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล
4.
Procedure division การอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการประมวลผล
วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556
การแปลงเลขฐาน
1) ตารางเลขฐาน
2) เลขฐานอื่นๆให้เป็นฐานสิบ
ตารางเลขฐาน
|
|||
เลขฐานสิบ
|
เลขฐานสอง
|
เลขฐานแปด
|
เลขฐานสิบหก
|
0
|
0000
|
0
|
0
|
1
|
0001
|
1
|
1
|
2
|
0010
|
2
|
2
|
3
|
0011
|
3
|
3
|
4
|
0100
|
4
|
4
|
5
|
0101
|
5
|
5
|
6
|
0110
|
6
|
6
|
7
|
0111
|
7
|
7
|
8
|
1000
|
10
|
8
|
9
|
1001
|
11
|
9
|
10
|
1010
|
12
|
A
|
11
|
1011
|
13
|
B
|
12
|
1100
|
14
|
C
|
13
|
1101
|
15
|
D
|
14
|
1110
|
16
|
E
|
15
|
1111
|
17
|
F
|
2) เลขฐานอื่นๆให้เป็นฐานสิบ
แปลงเลขฐานสอง ให้เป็นฐานสิบ 111100101 2 => 485
แปลงเลขฐานสิบหก ให้เป็นฐานสิบ 2FBC 16 => 1220
แปลงเลขฐานแปด ให้เป็นฐานสิบ 286 8 => 198
3) แปลงเลขฐานสิบ เป็นฐานอื่น
( ใช้รหัสนักศึกษา 016 )
แปลงเลขฐานสิบ เป็นฐานสอง
016 => 1000
แปลงเลขฐานสิบ เป็นฐานแปด
016 => 02
แปลงเลขฐานสิบ เป็นฐานสิบหก 016 =>
10
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)